เดี๋ยวนี้หลายคนอาจจะอยากอยู่บ้านในเขตชนบทกันมากขึ้น ด้วยความที่เบื่อชีวิตวุ่นวายในเมือง เบื่อทั้งคน เบื่อทั้งกิจวัตรประจำวัน เบื่อทั้งมลพิษ ไม่มีอะไรเลยนอกจากความตึงเครียด
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่คิดแบบนี้อยู่ วันนี้เราก็มีไอเดียมาช่วยสนับสนุนคุณพอดี โดยเป็นผลงานบ้านชั้นเดียวของสถาปนิกภายใน BETH MARQUEZ INTERIORES รับรองว่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน เพราะเป็นบ้านสไตล์ผสมผสาน และที่สำคัญคือตั้งอยู่กลางทุ่งนาป่าเขา รอบๆบ้านเขียวชะอุ่ม ดูสดชื่นสุดๆ
ลองไปดูด้วยกันสิว่าเป็นยังไง
ตัวบ้านเน้นโทนสีน้ำตาล มีทั้งน้ำตาลอ่อนและน้ำตาลเข้ม เพิ่มสีสันเข้าไปเล็กน้อยด้วยบานหน้าต่างสีฟ้าสด นอกนั้นรอบบ้านก็เป็นสนามหญ้ากว้างขวาง
อะไรจะดีไปกว่าการได้มานั่งเล่นที่เทอร์เรซ สูดอากาศบริสุทธิ์ นั่งจิบกาแฟ เอนหลังงีบ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ฯลฯ
ไม่เพียงแต่จะใช้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว แต่เทอร์เรซแบบนี้ยังใช้สังสรรค์เล็กๆในหมู่เพื่อนฝูงได้ด้วย เช่นอาจจะตั้งเตาปิ้งบาร์บีคิวกลางแจ้ง แล้วเอาโต๊ะตัวเล็กๆมาเสริม สำหรับวางของ ก็ได้
กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หันไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า หรือไม่ก็เป็นทางเดินที่ถูกปูด้วยหิน
ไม่เพียงแต่มีต้นไม้เยอะ แต่ยังมีการขุดสร้างสระน้ำเอาไว้ด้วย ปูด้วยกระเบื้องสีเชียวมรกตสวยงาม และริมสระน้ำก็มีเก้าอี้เรียงรายเอาไว้ คุณสามารถมานั่งตากแดดอ่อนๆยามเช้า หรือรับละอองเย็นๆของน้ำในช่วงคำ่ๆก็ได้ สุขกายสบายใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
จริงๆแล้วโซนนี้สามารถใช้เป็นได้ทั้งที่นั่งเล่น และที่นั่งกินข้าว เพราะที่เห็นอยู่คือโต๊ะ-เก้าอี้ไม้ชุดใหญ่ แต่ไม่ว่าจะใช้ทำอะไร ก็ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีทีเดียว ในเมื่อคุณได้มาสร้างบ้านอยู่กลางธรรมชาติแล้วทั้งที ทำไมถึงต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านด้วย จริงมั้ย? ออกมาสูดอากาศนอกบ้านบ้าง เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ดูวิวสวยๆบ้างจะดีกว่า
หลักๆแล้วจะตกแต่งแบบโมเดิร์น สังเกตจากทีวี โซฟา และรูปทรงของกรอบหน้าต่าง ที่ดูเรียบง่าย เช่นเดียวกับโต๊ะที่มีรูปร่างแปลกตา นอกนั้นก็เป็นการนำของตกแต่งจุกจิกๆมาใส่เพิ่มอย่างไม่มีการเน้นโทนสีใดโทนสีหนึ่ง แต่จัดวางไปอย่างอิสระ ปล่อยไปตามความรู้สึก
แต่งแต้มความมีชีวิตชีวาเพิ่มเข้าไป ด้วยภาพวาดตกแต่งบนผนัง สีสวยสดงดงาม
ที่ภายในดูมีสเปซ ไม่อึดอัด ก็เพราะว่าเป็นการจัดองค์ประกอบแบบเปิด ไม่มีผนังและประตูกันห้องแต่ละห้องออกจากกัน แต่ตั้งรวมๆไว้ในโซนเดียวกัน ทั้งห้องนั่งเล่น และข้างหลังที่เป็นชุดโต๊ะเก้าอี้… อย่างที่เห็น
ห้องครัวไม่จำเป็นต้องใหญ่โตมโหฬารอะไรมากมาย แค่เป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ มีเตาทำอาหาร มีตู้เย็น มีอ่างล้างจาน มีชั้นวางของ มีเครื่องครัว เท่านี้ก็เกินพอแล้ว
เอกลักษณ์ของบ้านหลังนี้คือการใส่ใจทุกรายละเอียด ใช้งานศิลปะ ตกแต่งสอดแทรกเข้าไปในทุกจุดที่ทำได้ แม้แต่บริเวณทางเดิน
ห้องเล็กๆ แต่ดูแล้วน่าสบายมาก เตียงก็เป็นฟูกหนาๆ หมอนเป็นลวดลายสวยงาม พรมที่ปูพื้นก็เป็นลายตารางหลากสี ส่วนหน้าต่างห้องก็เป็นบานใหญา สามารถเปิดอ้าได้เต็มที่เพื่อให้อากาศถ่ายเท รับลมเย็นๆ และเห็นวิวทิวทัศน์สวยๆข้างนอก
เป็นการผสมผสานแนวคลาสสิคและแนวโมเดิร์นเข้าด้วยกัน โดยแนวคลาสสิคจะอยู่ตรงที่เอาไม้มาทำเป็นเคาน์เตอร์ ส่วนแนวโมเดิร์นจะอยู่ที่รูปทรงของอ่างล้างมือ ที่เป็นทรงกลม คล้ายชามใส่อาหาร แถมยังตั้งนูนขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ แทนที่จะฝังลงไปเหมือนปรกติ
ถึงอย่างไรก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าศาสนาเป็นที่พึ่งทางจิตใจจริงๆ เพราะช่วยบมเบาะให้ใจเราสงบร่มเย็น ปลูกฝังคำสอนให้เราคิดดีทำดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าเราได้มีศาสนวัตถุ หรือศาสนสถานเป็นเครื่องเตือนใจบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย
เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เป็นชนบท ผนังห้องมีประตูหลายบานล้อม เพื่อที่จะได้เปิดออกให้อากาศถ่ายเท ม้านั่งก็ทำมาจากไม้